วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบโปสเตอร์

การออกแบบโปสเตอร์

       โปสเตอร์ (Poster) หมายถึง สิ่งพิมพ์ที่ที่เป็นแผ่นเดียวมีขนาดใหญ่หรือเล็กแล้วแต่ผู้จัดทำ ใช้ติดตามสถานที่ต่าง ๆ ในแนวตั้ง เช่น ผนัง ตู้กระจก เสาไฟฟ้า ฯลฯ มีเนื้อหาสาระเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการหรืองานอื่นๆที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ ส่วนใหญ่แล้วมักนำเสนอเพียงแนวความคิดเดียวเป็นหลักใหญ่
ประโยชน์ของโปสเตอร์


ประโยชน์ของโปสเตอร์อาจมีหลายจุดประสงค์ เช่น
1. โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องมือในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นโฆษณาสินค้า/บริการ งานต่างๆ งานดนตรี ภาพยนตร์
2. เพื่อใช้ในการศึกษานำเสนอสาระใดสาระหนึ่ง
3. เพื่อเป็นสื่อการสอนอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ
4. นำเสนอผลงานทางวิชาการ
ลักษณะของภาพโปสเตอร์ที่ดี
1. รูปแบบต้องสอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ 
2. มีลักษณะ เด่นชัด มองเห็นสะดุดตา 
3. ข้อความนั้นต้องสั้น กระชับได้ใจความ 
4. รูปภาพเร้าความสนใจ ชวนติดตาม
5. มีการสื่อความหมายได้ตามวัตถุประสงค์ 
6. แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ 
7. มีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นได้ในระยะไกล 
8. ในเรื่องการนำเสนอต้องมีข้อมูลเพียงเรื่องเดียวและที่สำคัญตรงประเด็น
ส่วนประกอบของโปสเตอร์
1.ข้อความพาดหัว
2.รายละเอียด
3.รูปภาพประกอบ
4.คำขวัญ/สโลแกนเพื่อจูงใจ/ข้อความลงท้าย
5.โลโก้ของหน่วยงานเจ้าของโปสเตอร์
6.อื่น ๆ
ขั้นตอนการออกแบบโปสเตอร์
1. ศึกษารายละเอียดและวิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็นที่ต้องการสื่อสาร
2. นำข้อมูลที่ต้องการสื่อสารมาออกแบบร่าง
3. เลือกรูปแบบและการวางผัง (Layout)ที่เหมาะสมกับงาน
4. ทำการวางแบบเลย์เอ้าท์ นำส่วนประกอบต่างๆมาลองวางลงในหน้ากระดาษ เพื่อดูว่ามีมากพอหรือไม่ ต้องการเพิ่มเติมส่วนใด หรือต้องตัดอะไรออก ดูความเข้ากันของส่วนประกอบทั้งหมดโดยใช้องค์ประกอบศิลปะช่วยในการจัด
5. กำหนดลักษณะของส่วนประกอบต่างๆของงานที่เหมาะสม เช่น แบบขนาดของตัวอักษรที่ใช้ในส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหา
6. การทำต้นฉบับเหมือนพิมพ์ อาร์ตเวิร์ค (artwork)นำแบบร่างที่ลงตัวถูกต้องแล้ว มาทำให้เป็นขนาดเท่าของจริง ทั้งภาพและตัวอักษร ช่องไฟ และงานกราฟิคทุกอย่าง ซึ่งปัจจุบันจะใช้โปรแกรมจัดทำอาร์ตเวิร์คเช่น Adobe Indesign, Illustrator เป็นต้น
7. ทำการตรวจทาน ดูความถูกต้องของภาษา ความเหมาะสมของรูปภาพ และการจัดวาง
8. แก้ไขรายละเอียดและปรับแต่งขั้นสุดท้าย นำส่งโรงพิมพ์เพื่อทำการจัดพิมพ์ต่อไป
หลักการออกแบบโปสเตอร์
- ตัวอักษรต้องตัดกับพื้นหลัง
- ไม่ควรใส่ข้อความแน่นหรือมีจานวนมากเกินไป
- ควรคานึงถึงหลักทฤษฎีสีและศิลปะในการออกแบบ
- ควรเว้นระยะขอบประมาณ 0.5 ซ.ม.
- ภาพให้เหมาะสมกับเนื้อหา
ข้อควรคานึงในการเลือกกระดาษพิมพ์
1. งบประมาณ
2. จานวนพิมพ์
3. ระบบของเครื่องพิมพ์
4. วัตถุประสงค์ในการนาไปใช้

web คลิปวีดีโอ สวัสดีปีใหม่

http://youtu.be/Jx2UUAZrE2o    <คลิป สวัสดีปีใหม่ 2012>

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบและนำเสนอด้วยสื่อดิจิทัลและสื่อประสม

การออกแบบและนำเสนอวีดิทัศน์หนังสั้นอย่างสร้างสรรค์

หนังสั้น หมายถึง เรื่องที่นำเสนอทั้งภาพและเสียงและในระยะเวลาอันจำกัดประมาณ 5-10นาที 
โดยสะท้อนเรื่องราว สาระที่เกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว


ขั้นตอนการผลิตหนังสั้น



1. ขั้นเตรียมการผลิต (Pre-Production)
 1.1 สำรวจความต้องการและวิเคราะห์ปัญหา
 1.2 วิเคราะห์เนื้อหาและกำหนดเรื่อง
 1.3 เขียนบทวีดิทัศน์
 1.4 วางแผนการถ่ายทำ

2. ขั้นการผลิต (Production)
       คือ การถ่ายทำวีดิทัศน์เป็นการบันทึกภาพวีดิทัศน์ ตามบทวีดิทัศน์ที่ได้เขียนไว้ ในการถ่ายทำควรจะต้อง
ศึกษาบทวีดิทัศน์อย่างละเอียด ถ่ายทำให้ได้ภาพครบตามที่ต้องการ
3. ขั้นหลังการผลิต (Post-Production)
   คือ การตัดต่อลำดับภาพ ในขั้นนี้ถือว่าเป็นสุดท้ายของการผลิต เป็นขั้นสำคัญอีกขั้นหนึ่งที่ต้องมีความละเอียดรอบคอบทั้งทางด้านภาพและเสียง โดยการนำภาพต่างๆ เสียง กราฟิก มาเรียบเรียงลำดับให้เป็นเรื่องราวตามบทวีดิทัศน์ที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งการแก้ไข ปรับแต่งให้มีความเหมาะสม สวยงาม 
น่าสนใจติดตาม และจะต้องคำนึงถึงรูปแบบของสื่อที่จะเผยแพร่อีกด้วย
4. ขั้นการประเมินผล (Evaluation)
  การประเมินผล เป็นการประเมินผลสื่อ เมื่อได้ผลิตรายการวีดิทัศน์มาแล้วต้องนำไปใช้กับกลุ่มเป้าหมายจริงจำนวนหนึ่ง เพื่อนำข้อมูลต่างๆ มาปรับปรุงแก้ไขตามที่เห็นสมควร เพื่อให้วีดิทัศน์มีคุณภาพก่อนจะนำไปเผยแพร่ต่อไป

5. ขั้นเผยแพร่
    การเผยแพร่ ในการเผยแพร่วีดิทัศน์ ควรมีรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ และควรเก็บข้อมูล ข้อแนะนำต่างๆ จากผู้ใช้ เพื่อนำมาแก้ไขในเรื่องอื่นต่อไป

การเขียนบทวีดิทัศน์
    บทวีดิทัศน์ คือ เป็นข้อเขียนหรือรายละเอียดที่เขียนขึ้นเพื่อใช้เป็นตัวกำหนดแนวทาง ในการดำเนินการผลิตรายการวีดิทัศน์ และสื่อความหมายให้ทุกฝ่ายเข้าใจได้ตรงกันและสื่อความหมายได้ตรงตามวัตถุประสงค์

  • มุมกล้องและลักษณะภาพในการออกแบบและนำเสนอวีดิทัศน์
Camera angle shots มุมกล้อง
มุมกล้อง (Camera angle) 
  มุมกล้อง ก็เป็นเช่นเดียวกับระยะภาพที่ช่วยให้ผู้ดูสามารถมองเห็นวัตถุได้หลายแง่ หลายมุม มีอิทธิพลต่อทัศนคติของผู้ดูต่อสิ่งนั้นและยังช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปด้วย

1) ภาพระดับสายตา (Eye level shot)
       เป็นมุมกล้องปกติที่ใช้มากที่สุด ภาพอยู่ในระดับสายตาโดยยึดเอาสิ่งที่ถ่ายเป็นหลัก ไม่ใช่สายตาของผู้ถ่าย เป็นการตั้งกล้องในระดับเดียวกันกับสายตาของผู้ชม การเสนอมุมแบบนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์
ต่างๆด้วยตนเอง

2) มุมกล้องระดับสูง (High Angle)
       ตำแหน่งของกล้องจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าสิ่งที่ถ่ายเวลาบันทึกภาพจึงต้องกดลงมา มุมนี้จะท าให้มองเห็นเหตุการณ์ทั่วถึง เหมาะที่จะใช้กับฉากที่ต้องการ แสดงความงามของทัศนียภาพ อีกทั้งมุมนี้ยังทำให้สิ่งที่ถ่ายมองดูเล็กลง ทำให้รู้สึกต่ำต้อย

3) มุมกล้องในระดับสายตานก (Bird's eye view) 
       เป็นการตั้งกล้องในตำแหน่งเหนือศีรษะโดยตรงของสิ่งที่ถ่ายภาพที่ถูกบันทึกจะมีมุมมองเช่นเดียวกับสายตานกที่มองดิ่งลงมายังพื้นดิน มุมกล้องนี้ให้ความรู้สึกสิ้นหวัง หรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมทั้งตกอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของผู้ที่อยู่เหนือกว่า

4) มุมกล้องระดับต่ า (Low Angle) 
       กล้องจะตั้งในระดับต่่ำกว่าสิ่งที่ถ่าย เวลาบันทึกภาพต้องเงยกล้องขึ้น ภาพมุมต่่ำจะมีลักษณะตรงข้ามกับมุมสูง คือ จะให้ความรู้สึกว่าสิ่งที่ถ่ายนั้นมีอำนาจ มีค่า ยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม แสดงถึงความสง่างามและชัยชนะ มีพลัง

  • การเขียนบทวีดิทัศน์หนังสั้น


ประเด็นสำคัญในการเขียนบทโทรทัศน์

1) กระบวนการคิดให้เป็นเรื่องสั้น
2) จากโครงเรื่องสู่บทหนังสั้น
3) การเขียนบทโทรทัศน์โดยค านึงถึงผู้ฟังและผู้ชม
4) พิจารณาด้านความงดงามและเทคนิคการผลิตรายการ
5) รูปเเบบบทโทรทัศน์
6) ประเภทบทโทรทัศน์
7) ขั้นตอนการเขียนบทโทรทัศน์


กระบวนการคิดให้เป็นเรื่องสั้น

1)เล่าเพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
2)เล่าเพราะเห็นเจอมา
3)เล่าเพราะจินตนาการ 


จากโครงเรื่องเดินสู่การเป็นบท

การยึดหลัก 3 องค์ประกอบ
องค์แรก  คือ การปูเรื่อง เปิดตัวละคร จนเกิดเหตุการณ์พลิกผันกับตัวละคร นำไปสู่องค์ที่ 2
องค์ที่สอง คือ ส่วนกลางเรื่อง เล่าเรื่องที่ปูไปสุดจุดหักเหอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ climax (ช่วงจบ) 
องค์ที่สาม คือ บทสรุปของเรื่องคุณสามารถน าหลัก3องค์ไปปรับใช้ได้กับการเล่าเรื่องทุกรูปแบบ 
ไม่ว่าจะโรแมนติก สยองขวัญ หรือหนังแอ็คชั่นเลือดท่วม

จุดมุ่งหมายของการเขียนบทโทรทัศน์

1)เพื่อกำหนดรูปรายการ
2)เพื่อบ่งบอกถึงเนื้อหาของรายการ
3)เพื่อจัดลำดับข่าวสารความสำคัญของการผลิต

******************************************************************************



วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

องค์ประกอบในการออกแบบสื่อสร้างสรรค์

สาระการนำเสนอ



1. จุด (Point)
2. เส้น (Line)
3. ทิศทาง (DIRECTION)
4. รูปทรง (FORM)
5. เทคนิคการกลับพื้นภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู 
6. ขนาดและสัดส่วน (Size & Scale)
7.วัสดุและพื้นผิว ( Material and Texture)

8. การจัดองค์ประกอบ (Composition) 
- ความสมดุล (Balance) 
- การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis)
- เอกภาพ (Unity)
- ความกลมกลืน (Harmony)
- ความขัดแย้ง (Contrast)
- จังหวะ (Rhythm)
*********************************************************************
จุด (Point)
       จะเป็นจุดที่ชี้ให้เห็นตำแหน่งในที่ว่าง หรือที่ต่างๆ ไม่มีความกว้าง ความยาว ความลึก 
จุดให้ความรู้สึกคงที่ไม่มีทิศทาง ไม่ครอบคลุมพื้นที่จุดจะเกิดอยู่ในบริเวณต่างๆ


เส้น (Line)
       เส้นเกิดจากการนำจุดหลาย ๆ จุดมาเรียงต่อกัน หรือเกิดจากจุด
เคลื่อนที่เส้นทางที่จุดเคลื่อนที่ไปคือ เส้นมีความยาว ไม่มีความกว้าง
หรือความหนามาก การกำหนดทิศทางของเส้นให้อยู่ในแนวท่ี่ต่างกัน
จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน ดูมั่นคง บางคร้ังดูเคลื่อนไหว และเจริญงอก
งาม เติบโต 


ทิศทาง (DIRECTION)
       ทิศทาง คือ ลักษณะที่แสดงให้รู้ว่ารูปแบบทั้งหมดมีแนวโน้มไปทางใด
ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความรู้สึกว่ามีการเคล่ือนไหว (Movement) นำไปสู่จุดสนใจ





รูปทรง (FORM)
       เกิดจากระนาบที่ปิดล้อมกัน ทำให้เกิดปริมาตร (Volume) มี 
3 มติ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด 
คือ รูปทรงเรขาคณิตและรูปทรงธรรมชาติ


เทคนิคการกลับพื้น ภาพมีผลต่อสายตาผู้ดู

       จากการออกแบบกลับพื้นภาพ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์งาน เป็นสัญลักษณ์ (Logo) และเป็นที่นิยม เพราะมีความแปลกใหม่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีผลของการมองเห็นว่าภาพสีขาวที่อยู่ในพื้นสีดำจะทำ  ให้ดูโตขึ้น 10-15 % 

ขนาดและสัดส่วน (Size & Scale)



- ขนาด (Size)
ขนาด คือ การเปรียบเทียบรูปร่างหรือรูปทรง การวัดสัดส่วน ระยะหรือ
ขอบเขต
ของรูปร่างนั้น ๆ
- สัดส่วน (Scale) 
สัดส่วน คือ ความเหมาะสมของสิ่งของตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป มีความสัมพันธ์กัน


วัสดุและพื้นผิว ( Material and Texture )

      วัสดุ คือ วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ในการออกแบบ โดยเลือกความเหมาะสม 
ตรงตามลักษณะของงาน ถ้าทำลงบนกระดาษวาดเขียน อาจเป็นรูปลอก
ลวดลายต่างๆแบบทึบแสง ถ้าทำลงบนแผ่นโปร่งใสก็ใช้รูปหรืออักษร
ลอกแบบสีโปร่งแสง เป็นต้น

      
      พื้นผิว คือ ลกัษณะเฉพาะที่เกิดจากโครงสร้างของวัสดุอาจนำ วัตถุดิบ
หลาย ๆ อย่างมา สร้างให้เกิดพื้นผิวใหม่หรือความรู้สึกในการแยก
จำแนกความเรียบความขรุขระ ความแตกต่างของพื้นผิวในทางกราฟิก
สามารถแยกออกได้ด้วยประสาทสัมผัสทางตาเป็นส่วนใหญ่พื้นผิวที่
แตกต่างกัน จะให้ความรู้สึกต่างกัน





ระนาบ (Plane)

      ระนาบ คือ เส้นที่ย้ายออกไปในทางเดียวกันจนเกิดเป็นพื้นที่ขึ้นมา
แบ่งได้ ดังนี้

1. Overhead plane ระนาบที่อยู่เหนือศีรษะอยู่ข้างบน ให้ความรู้สึกปลอดภัย 
เหมือนมีหลังคาคลุม มีสิ่งปกป้องจากด้านบน
2. Vertical plane ระนาบแนวตั้ง หรือตัวปิดล้อม เป็นส่วนบอกขอบเขต
ที่ว่าง ตามแนวนอน ความกว้าง ความยาว
3. Base plane ระนาบพื้น ระดับ ดิน หรือระดับ เสมอสายตา อาจมีการ
เปลี่ยนหรือเล่นระดับ เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่างๆ


การจัดองค์ประกอบ (Composition)
 - ความสมดุล (Balance) คือ ความเท่ากัน หรือเท่าเทียมกัน ทั้งสองข้าง
 - การเน้นให้เกิดจุดเด่น (Emphasis) ในการออกแบบจะประกอบดว้ยจุดสำคัญหรือส่วนประธานในภาพ
จุดรองลงมาหรือส่วนรองประธาน ส่วนประกอบหรือพวกรายละเอียดปลีกย่อย ต่างๆ

 หลักและวิธีในการใช้การเน้น

- เน้นด้วยการใช้หลักเรื่อง Contrast 
- เน้นด้วยการประดับ
- เน้นด้วยการจัดกลุ่มในส่วนที่ต้องการเน้น
- เน้นด้วยการใช้สี
- เน้นด้วยขนาด
- เน้นด้วยการทำจุดรวมสายตา


เอกภาพ (Unity)

             ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นกลุ่มเป็นก้อนโดยที่องค์ประกอบภายในต้องกลมกลืนกัน
มี 2 แบบคือ
  - เอกภาพแบบหยุดนิ่ง (Static unity) โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตทำให้เกิดลักษณะหนักแน่น



  - เอกภาพแบบเคลื่อนไหว (Dynamic unity) ใชรูปทรงหรือรูปร่างแบบธรรมชาติทำให้เคลื่อนไหวสนุกสนาน


ความกลมกลืน (Harmony)
   การจัดองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกัน หรือคล้ายๆกันมาจัดภาพทำให้เกิดความนุ่มนวลกลมกลืนกัน


ความขัดแย้ง (Contrast)
     การจัดองค์ประกอบให้เกิดความแตกต่างเพื่อดึงดูดความสนใจหรือให้เกิดความสนุกตื้นเต้น น่าสนใจ ลดความเรียบ น่าเบื่อ ให้ความรู้สึกฝืนใจ ขัดใจ แต่ชวนมอง


จังหวะ (Rhythm)
     จังหวะเกิดจากการต่อเนื่องกัน หรือซ้ำซ้อนกันจังหวะที่ดีทำให้ภาพดูสนุก เปรียบได้กับ
เสียงเพลงอันไพเราะ


ความง่าย (Simplicity) 
     เป็นการจัดให้ดูโล่ง สบายตา ไม่ยุ่งยากซับซ้อนมีมโนทัศนเดียว ลดการมีฉากหลังหรือ
ภาพประกอบอื่นๆที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องออกไป เพราะการมีฉากหลังรกทำให้ภาพหลักไม่เด่น
นิยมใช้ในการถ่ายภาพที่ปรับฉากหลังให้เบลอ เป็นภาพเกี่ยวกับดอกไม้แมลง
สัตว์และบุคคลนางแบบ เป็นต้น



ความลึก (Perspective) 
      ให้ภาพดูสมจริง คือ ภาพวัตถุใดอยู่ใกล้จะใหญ่ ถ้าอยู่ไกลออกไปจะมองเห็นเล็ก ลงตามลำดับจนสุด
สายตา ซึ่งมีมุมมองหลัก ๆ อยู่ 3 ลักษณะ คือ วัตถุอยู่สูงกว่าระดับตา วัตถุอยู่ในระดับ สายตา และวัตถุอยู่ต่ำกว่าระดับสายตา

จิตวิทยาสีของการออกแบบและการนำเสนอ

 ความหมายของสี 
         คำว่า สี (Colour) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หมายถึง ลักษณะของแสง ที่ปรากฏแก่ สายตาเรา ให้เห็นเป็น สีขาว ดำ แดง เขียวฯลฯหรือการสะท้อนรัศมีของแสงมาสู่ตาเราสี ที่ปรากฏ ในธรรมชาติ เกิดจากการสะท้อนของแสงสว่าง ตกกระทบ กับวัตถุแล้ว เกิดการหักเหของแสง ( Spectrum ) สีเป็นคลื่นแสงชนิดหนึ่ง ซึ่งปรากฏให้เห็น เมื่อแสงผ่านละอองไอน้ำ ในอากาศ หรือ แท่งแก้วปริซึม ปรากฏเป็นสีต่างๆ รวม 7 สี ได้แก่ สีแดง ม่วง ส้ม เหลือง น้ำเงิน คราม และเขียว เรียกว่า สีรุ้ง ที่ปรากฏบนท้องฟ้า

ประเภทของสี
       สี มีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา สีที่ปรากฏอยู่ในโลกสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
2.1 สีที่เกิดในธรรมชาติ มีอยู่ 2 ชนิดคือ 
ก. สีที่เป็นแสง ( Spectrum ) คือ สีที่เกิดจากการหักเหของแสง เช่น สีรุ้ง สีจากแท่งแก้วปริซึม
ข. สีที่อยู่ในวัตถุ หรือเนื้อสี ( Pigment ) คือ สีที่มีอยู่ในวัตถุธรรมชาติทั่วไป เช่น สีของพืช สัตว์ หรือแร่ธาตุต่างๆ
2.2 สีที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ สีที่ได้จากการสังเคราะห์ เพื่อใช้ประโยชน์ในงานต่างๆ เช่น งานศิลปะ อุตสาหกรรม การพาณิชย์ และในชีวิตประจำวัน โดยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ และจากสารเคมี ที่เรียกว่า สีวิทยาศาสตร์ ซึ่งสีที่ได้จาก การสังเคราะห์สามารถนำมาผสมกัน ให้เกิดเป็น สีต่างๆอีกมากมาย
จิตวิทยาสีกับความรู้สึก ( Psychology of Colour)
 สี เป็นตัวกระตุ้นความรู้สึกและมีผลต่อจิตใจของมนุษย์
- สีแดง ให้ความรู้สึกเร่าร้อน รุนแรง อันตราย ตื่นเต้น
- สีเหลือง ให้ความรู้สึก สว่าง อบอุ่น แจ่มแจ้ง ร่าเริง ศรัทธา มั่งคั่ง
- สีเขียว ให้ความรู้สึก สดใส สดชื่น เย็น ปลอดภัย สบายตา มุ่งหวัง
- สีฟ้า ให้ความรู้สึก ปลอดโปล่ง แจ่มใส กว้าง ปราดเปรื่อง
- สีม่วง ให้ความรู้สึก เศร้า หม่นหมอง ลึกลับ
- สีดำ ให้ความรู้สึก มืดมิด เศร้า น่ากลัว หนักแน่น
- สีขาว ให้ความรู้สึก บริสุทธิ์ ผุดผ่อง ว่างเปล่า จืดชืด
- สีแสด ให้ความรู้สึก สดใส ร้อนแรง เจิดจ้า มีพลัง อำนาจ
- สีเทา ให้ความรู้สึก เศร้า เงียบขรึม สงบ แก่ชรา
- สีน้ำเงิน ให้ความรู้สึก เงียบขรึม สงบสุข จริงจัง มีสมาธิ
- สีน้ำตาล ให้ความรู้สึก แห้งแล้ง ไม่สดชื่น น่าเบื่อ
- สีชมพู ให้ความรู้สึก อ่อนหวาน เป็นผู้หญิง ประณีต ร่าเริง
- สีทอง ให้ความรู้สึก มั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์
การใช้สีตามหลักการใช้สี
- การใช้สีเพื่อให้สีแต่ละสีประสานกลมกลืนกัน  (Harmony coloring)
- การใช้สีเพื่อให้แต่ละสีประสานส่งเสริมซึ่งกัน (Contrast and co-orporation coloring)
วรรณะของสี (Tone of Colour)

วรรณะสี คือ ความแตกต่างของสีแต่ละกลุ่ม ในวงจรสีโดยแบ่งตามความรู้สึกด้านอุณหภูมิ โดยแบ่งออกเป็น 2 วรรณะ คือ
2.1 สีวรรณะร้อน (Warm Tone) ประกอบด้วยสีเหลือง, ส้มเหลือง, ส้ม, ส้มแดง, แดง และม่วงแดง
2.2 สีวรรณะเย็น (Cool Tone) ประกอบด้วยสีม่วง, ม่วงน้ำเงิน, น้ำเงิน, เขียวน้ำเงิน, เขียวและเขียวเหลือง
สีตรงข้าม (Comprementary Colour)
สีตรงข้าม หมายถึง สีที่อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกันในวงจรสี และมีการตัดกันอย่างเด่นชัดซึ่งจะให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน หากนำมาผสมกันจะได้สีกลาง (เทา) ซึ่งมีทั้งหมด 6คู่ ได้แก่
- สีเหลือง ตรงข้ามกับ สีม่วง
- สีแดง ตรงข้ามกับ สีเขียว
- สีน้ำเงิน ตรงข้ามกับ สีส้ม
- สีเขียวเหลือง ตรงข้ามกับ สีม่วงแดง
- สีส้มแดง ตรงข้ามกับ สีเขียวน้ำเงิน
- สีม่วงน้ำเงิน ตรงข้ามกับ สีส้มเหลือง





สีข้างเคียง ( Analogous Colour)
สีข้างเคียง หมายถึง สีที่อยู่เคียงข้างกันทั้งซ้ายและขวาในวงจรสี มีความคล้ายคลึงกันหากนำมาจัดอยู่ด้วยกันจะมีความกลมกลืนกัน หากอยู่ห่างกันมากเท่าใดความกลมกลืนก็จะยิ่งน้อยลงความขัดแย้งก็จะมีมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นสี ในวรรณะเดียวกัน (ภาพที่ 6) สีข้างเคียงได้แก่
- สีแดง - ส้มแดง - ส้ม หรือ ม่วงแดง -แดง - ส้มแดง
- สีส้มเหลือง - เหลือง - เขียวเหลือง หรือ ส้มแดง - ส้ม - ส้มเหลือง
- สีเขียว - เขียวน้ำเงิน - น้ำเงิน หรือ เขียวน้ำเงิน - เขียว - เขียวเหลือง
- สีม่วงน้ำเงิน - ม่วง - ม่วงแดง หรือ ม่วงน้ำเงิน- น้ำเงิน - เขียวน้ำเงิน
 การใช้สีแบบแตกต่างชนิดตัดกันอย่างแท้จริง(True Contrast)

หมายถึง สี2สีที่มีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน รุนแรง ถ้าดูจากวงสีธรรมชาติจะเป็นสีที่อยู่ในตำแหน่งตรงกันข้ามกัน
และมีค่าที่ตัดกันอย่างรุนแรง 
แนวทางการใช้สีตัดกันอย่างแท้จริง
1. เมื่อต้องการใชสีคู่ตัดกัน โดยไม่ผสมสีอื่นสีใด ให้ใช้ในอัตราส่วนแตกต่างกัน เช่น 90:10 , 80:20 , 70:30
2. ใช้สีหนักหรือสีเข้มตัดเส้น ในวัตถุที่มีสีสดใส
3. ลดความสดในของสีใดสีหนึ่ง โดยใช้สีคู่ตรงข้าม
4. ลดความสดใสของสีคู่ทั้ง 2 สีโดยใช้สีคู่ตรงข้าม
การใช้สีแบบแตกต่างกันชนิดสีตรงกันข้ามเยื้อง (Split Complementary Colors)
หมายถึง สีคู่ตรงข้ามกับที่อยู่เยื้องมาทางซ้ายและทางขวาของสีคู่ปฏิปักษ์
การใช้สีสมดุล (Symmetrical Coloring)


เป็นการใช้สี โดยแบ่งภาพออกเป็นสองส่วนซ้ายขวา หรือส่วนบนล่าง เมื่อ
ระบายสีลงในด้านใดให้ระบายสีนั้น ในด้านตรงกัน ข้ามด้วย จะได้ภาพที่
มีสีสดในประสานส่งเสริมกันอย่างน่าดูยิ่ง โดยมีความสมดุลของทั้งสอง
ด้านเป็นตัวควบคุม







วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การออกแบบสื่อด้วย power point

ประวัติ  Power Point 

          โปรแกรม Power Point เริ่มแรกนั้นได้รับการพัฒนาโดย บ๊อบ กัสกินส์ (Bob Guskins)อดีตนักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย เบิร์กเลย์USA โดยกัสกินส์เขียนโปรแกรมสร้างแผ่นสไลด์ สามารถนำสไลด์มาเรียงลำดับเป็นผลงานการนำเสนอแบบง่าย ๆ ....



การนำเสนอโดย Power point

        - ต้องมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์  
        - เสียเวลาในการเรียนวิธีใช้โปรแกรม
        - ยุ่งยากต่อการออกแบบสไลด์
        - ต้องการเครื่องฉายสไลด์



การวางรูปแบบของสไลด์
       -ใช้รูปแบบ Slide 35 mm

       -วางแนวนอน
       -ใช้ Templates ที่มีในโปรแกรม
       -เว้นขอบทั้ง 4 ด้านให้ว่าง ~ 0.5 นิ้ว
       -เนื้อหาจัดให้อยู่กลางสไลด์



การใช้ตัวอักษรประกอบ

       -ใช้ข้อความแทนประโยค
       - มีข้อมูลมาก ควรจัดให้เป็นหัวข้อ
       -ใช้ Key word เพื่อเพิ่มจุดสนใจ


การใช้ภาพประกอบ
       -ภาพที่ใช้ต้องช่วยเสริมข้อความที่เสนอ
       -ไม่ควรมีอักษรในภาพถ้าไม่ จ าเป็ น
       -ตัวอักษรที่ใช้ควรให้เงาเพื่อเพิ่มความชัด
       -ลดสิ่งที่ทำให้เกิดความยุ่งเหยิง 
       -ภาพที่ใช้อาจทำให้ขนาดของแฟ้มข้อมูลใหญ่ เกินไป


แนวทางการออกแบบ PowerPoint

       -สื่อถึงเนื้อหาที่นำเสนอ
       -หนึ่งสไลด์ต่อหนึ่งความคิด
       -ชัดเจนและสะดวกต่อการอ่าน
       -ความสมดุลและคงเส้นคงวา  
       -ใช้ภาพประกอบเมื่อจำเป็น


สีและตัวอักษร
       -พื้นมืดตัวอักษรสว่าง

       -เงาของตัวอักษรต้องมืดกว่าสีพื้น
       -ตัวอักษรต้องอ่านง่าย
       -ชนิดตัวอักษร True Type Font
       -ใช้ 1 หรือ 2 ชนิดของตัวอักษร
       -ขนาด 36 – 60 point + ตัวหนา
       -หลีกเลี่ยงใช้สีสะท้อนแสง/โทนร้อน/ฉูดฉาด

       -ตัวอักษรตัดขอบไม่ควรใช้
       -เนื้อหาต้องไม่แน่นจนเกินไป
       -สูงสุด 8 บรรทัดต่อ 1 สไลด์
       -หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด (อังกฤษก็เช่นกัน)


โดยสรุปแล้ว คือ

      -มีหัวเรื่องทุกสไลด์
      -ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่ และหลายรูปแบบ 
      -สีและรูปแบบตัวอักษรไม่ควรมากเกินไป 
      -พื้นหรือ Background ไม่ควรยุ่งเหยิง
      -หัวข้อย่อยไม่ควรมากกว่า 6 หัวข้อต่อสไลด์
      -ลำดับความสำคัญของหัวข้อย่อย


      -ใช้กราฟเมื่อต้องการเปรียบเทียบ ดูแนวโน้มและแสดงความสัมพันธ์
      -ใช้ภาพประกอบเมื่อจำเป็น
      -ควรเว้นช่องไฟให้เหมาะสม
      -เพิ่มข้อมูลที่ขาดหายไปเมื่อจำเป็น





















วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การสื่อสารและทฤษฐีการสื่อสาร

การสื่อสารและทฤษฐีการสื่อสาร

         ความหมายของการสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถ่ายทอด การแลกเปลี่ยนเรื่องราว ความคิดเห็น ความต้องการ ความรู้สึก ระหว่างผู้รับ-ผู้ส่ง ผ่านสื่อ ช่องทาง

ลักษณะการสื่อสาร
 
   1.วิธีการสื่อสาร

     
      1.1 การสื่อสารด้วยวาจา หรือ วจนภาษา 
      
      1.2 การสื่อสารที่มิใช่วาจา หรือ อวจนภาษา
     
      1.3 การสื่อสารด้วยการใช้จักษุสัมผัส หรือการเห็น


2.รูปแบบการสื่อสาร
     
      2.1การสื่อสารทางเดียว
      
      2.2การสื่อสารสองทาง


3.ประเภทการสื่อสาร 

      3.1 การสื่อสารในตนเอง

      3.2 การสื่อสารระหว่างบุคคล

      3.3 การสื่อสารแบบกลุ่มย่อย
   
      3.4 การสื่อสารแบบกลุ่มใหญ่

      3.5 การสื่อสารมวลชน


 องค์ประกอบการสื่อสาร

     - ผู้ส่งสาร (source)

     - สาร(message)

     - สื่อหรือช่องทาง(media or channel)

     - ผู้รับ(receiver)

     - ผล(effect)

     - ผลย้อนกลับ(feedback)


อุปสรรคของการสื่อสาร

     -คำพูด 

     -ฝันกลางวัน

     -ข้ออ้างถึงที่ขัดแย้ง

     -การรับรู้ที่จำกัด

     -สภาพแวดล้อมทางกายภาพที่ไม่เอื้ออำนวย

     -การไม่ยอมรับ


********************************************************************************



การคิดสร้างสรรค์กับการออกแบบและการนำเสนอ


   ฮิลการ์ด (Hilgard) กล่าวไว้ว่า 
            
        การคิดเป็นพฤติกรรมที่เกิดในสมองอันเนื่องมาจากการใช้สัญลักษณ์แทนสิ่งของ เหตุการณ์หรือ

สถานการณ์ต่างๆ ......



   แมรี่ โอมีโอรา ได้กล่าวไว้ว่า 

          ความคิดสร้างสรรค์ เป็นความคิดที่เกิดจากจิตอันปราดเปรียวและรวดเร็วสามารถจับหัวใจของ

ปัญหาจากข้อเท็จจริง คำพูด แผนภูมิ ความคิดเห็นต่างๆแล้วนำมาสร้างเป็นข้อเสนออย่างมีพลังมี

ความสดใสใหม่โน้มน้าวจิตใจของผู้พบเห็น.........


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------